สินค้าแนะนำ



         Wow???
                    สินค้าแนะนำ......


ขนมสังขยาฟักทอง



ขนมสังขยาฟักทอง


เครื่องปรุง
ฟักทอง 1 ลูก (น้ำหนักประมาณ 400-600 กรัม   ไข่่ 2 ฟอง

หัวกะทิ 2/4 ถ้วยตวง  น้ำตาลปิ๊บ 1/4 ถ้วยตวง  แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ  เกลือป่น 1/4 ช้่อนชา  น้ำปูนใ 
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำฟักทองมาตัดออกเป็นสี่เหลี่ยมบริเวณหัวขั้วจากนั้นจึงขวักเมล็ดข้างในออก จนกลวงเป็นช่องภายใน จากนั้นจึงนำไปน้ำปูนใสประมาณ 8 - 10 นาที แล้วจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ (เคล็ดลับ : แช่น้ำปูนใสเพื่อไม่ให้ฟักทองแตกเวลานึ่ง)
2. ระหว่างรอฟักทองที่แช่ในน้ำปูนใส เตรียมทำสังขยาโดยผสมไข่ไก่, หัวกะทิ , แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลปิ๊บ และเกลือ คนจนส่วนผสมเข้ากันดี
3. นำส่วนผสมสังขยาที่ทำในขั้นตอนที่สองเทลงในฟักทอง จากนั้นจึงนำไปนึ่งประมาณ 20 - 25 นาที กรณีเสริฟเป็นลูกฟักทอง ก็นำฝาที่ตัดออกไปนึ่งด้วย ถ้าแบ่งเสริฟก็หั่นเป็นชิ้นๆ เพื่อความสวยงามและน่ารับประทาน เวลาหั่นควรระวังไม่ให้สังขยาเละ

ขนมเทียนแก้ว



ขนมเทียนแก้ว



เครื่องปรุง

1.แป้งถั่วเขียว 100 กรัม       2.ถั่วกวน 1/2 ถ้วยตวง
3.น้ำตาลทรายขาว 2 ถ้วยตวง    4.น้ำลอยดอกมะลิสด 6 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำเชื่อม 2 ถ้วย)
5.ใบตองสำหรับห่อ ใช้ตองอ่อน 2 กิโลกรัม
วิธีทำ
1.ใบตองสำหรับห่อ ใช้ตองอ่อน 2 กิโลกรัม เช็ดให้สะอาด ตัดวงกลมกว้าง 4-5 นิ้ว แล้วแต่ชอบใหญ่หรือเล็กตามต้องการ ผึ่งใหนิ่มแล้วทำต่อไป
2.วางใบเตยซ้อนกันให้ขวางทางกัน แล้วพับทบเข้าหากันเป้นครึ่งวงกลม แล้วทำรอยครึ่งเอาไว้ พับริมขวาเข้าหาจนจรดรอยกึ่งกลางที่ทำไว้ ด้านซ้ายพับออกไปให้จรดกึ่งกลางเช่นเดียวกัน แล้วพับทบเข้าหากัน ทำเช่นนี้จนหมดใบตอง แล้วทับเอาไว้
3.ปั้นไส้ถั่วกวนเป็นลูกกลมๆ เส้นผ่าศูนย์กลาง 1-1 1/2 ซม. วางเรียงไว้ ถ้าทำล่วงหน้าค้างคืน ควรอบด้วยดอกมะลิสด กระดังงาให้หอม
4.ทำน้ำเชื่อม น้ำตาลทราย 2 ถ้วย น้ำลอยดอกมะลิสด 2 ถ้วย ตั้งไฟพอละลายแล้วกรอง ตั้งไฟเคี่ยวไปอีก 5 นาที ยกลง
5.ตวงแป้งถั่วเขียว 1 ส่วน น้ำลอยดอกมะลิสด 4 ส่วน ผสมลงในกะทะทองคนให้เข้ากัน กรองใส่ลงในกะทะทองใส่น้ำเชื่อมที่ทำไว้ลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้งหนึ่ง
6.ยกขึ้นตั้งบนเตา กวนจนแป้งสุกใสยกลง ตักใส่ถามที่เตรียมไว้
7.นำใบตองที่พับไว้มาเปิดออก ตักแป้งใส่ 1 ช้อนชา แล้วใส่ถั่วที่ปั้นไว้เป็นไส้ 1 ลูก แล้วตักแป้งใส่อีก 1 ช้อนชา (หรือตักที่เดียว 2-3 ช้อนชา แล้วกดไส้ถั่วให้จมลงไป) แล้วพับริมห่อเข้ามาทั้งสองข้าง ให้ตรงกัน แล้วพับทาบอีกสองข้างเข้ามา ใช้คลิบๆ ให้เรียบร้อย
8.ถ้าทำวงกลมเหลือชายไว้สอดก็ได้ ต้องกดให้แน่นจึงจะวางได้สวย ห่อเช่นนี้จนหมดไส้และแป้งที่ทำไว้
9.การห่อ ควรห่อให้สูงกว่าขนมเทียนไส้เค็ม เพราะไม่ต้องนำไปนึ่งอีก การพับใบตองเอาไว้ทำให้เป็นสันสวยอยู่แล้ว ถ้าไม่มีใบตองอ่อนก็หาใบตองที่นิ่มๆ จึงจะห่อได้สวย


ขนมเปียกปูนใบเตย



ขนมเปียกปูนใบเตย


ขนมเปียกปูนใบเตย

ขนมเปียกปูนใบเตย มีสีเขียวสดจากน้ำใบเตยเข้มข้นโรยหน้าด้วยมะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้นยาว รับประทานคู่กันเป็นขนมไทยอีกชนิดหนึ่งที่หาทานได้ยากที่มีชื่อว่าขนมเปียกปูนก็เพราะเครื่องปรุงขนมไทยชนิดนี้มีน้ำปูนใสเป็นส่วนประกอบ สำคัญ อยู่ด้วยโดยกรรมวิธีการปรุงเขาจะเทน้ำปูนใสผสมกับแป้งข้าวเจ้าและแป้งเท้า ยายม่อมจากนั้นก็ต้องกวนให้เข้ากันตอนที่ยังเปียก ๆ อันเป็นที่มาของชื่อ ขนมเปียกปูนส่วนสีดำเมื่อมของขนมชนิดนี้วิธีการทำแบบดั้งเดิมเขานำกาบมะพร้าวมา เผาไฟให้กลายเป็นสีเถ้าถ่านสีดำจากนั้นเอาเถ้าถ่านกากมะพร้าวนั้นมาบดและละลายน้ำจากนั้นก็กรองเอาเฉพาะน้ำสีดำมาผสมเข้าไปก็ได้เป็นขนมเปียกปูนรสชาติดีมีสีดำตัดกับมะพร้าวขูด โรยหน้าสีขาว


เริ่มจากการเตรียมวัถุดิบในการทำขนมเปียกปูน

 แป้งข้าวเจ้า          แป้งเท้ายายม่อม
 น้ำตาลมะพร้าว       น้ำกาบมะพร้าวเผา
 น้ำกะทิ             น้ำปูนใส
 เนื้อมะพร้าวฝอย คลุกเกลือนิดหน่อย ไว้สำหรับโรยหน้า
วิธีทำขนมเปียกปูน
1. นำกาบมะพร้าวไปเผาไฟพอไหม้นิดหน่อยจึงนำไปจุ่มลงในน้ำสะอาดทิ้งไว้ให้กาบมะพร้าวแห้ง จึงนำไปโขลกให้ละเอียด และร่อนจนได้ผงละเอียดแล้วจึงนำไปผสมกับน้ำสะอาด 3/4 ถ้วยตวง
2. จากนั้นผสมแป้งข้าวเจ้าและ แป้งเท้ายายม่อม กับน้ำกะทิ, น้ำปูนใส, น้ำกาบมะพร้าว (ที่ทำในขั้นตอนที่ 1)และ น้ำตาลมะพร้าวผสมจนทุกอย่างละลายเข้ากันดีจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง
3. ต่อมาเมื่อกรองเสร็จแล้ว เทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเทฟลอนก็ได้)นำไปตั้งไฟกวนโดยใช้ไฟแรง กวนสักพักพอแป้งจับตัวกันเป็นก้อน จึงลดไฟลงและกวนต่อจนส่วนผสมข้นและเหนียวจึงเทใส่ถาดเกลี่ยหน้าให้เรียบหรือเทใส่แบบพิมพ์ที่เตรียมไว้
4. จากนั้นถ้าเทใส่ถาด รอจนส่วนผสมเย็นจึงตัดเป็นชิ้น โรยด้วยเนื้อมะพร้าวฝอย ตักเป็นชิ้นใส่จานเสริฟ หรือเสริฟทั้งถาดแล้วแต่ความเหมาะสม









                                                                                                                ขอบคุณค่ะ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น